ในเรื่องของการอ่านงบการเงิน เพื่อหาความผิดปกติหรือสัญญาณว่า
จะมีการตกแต่งงบการเงินหรือไม่ ในส่วนของ งบดุลและงบกระแสเงินสด
ซึ่งในส่วนของงบดุลนั้น
จะสามารถให้ข้อมูลได้ทั้งในกรณีการตกแต่งผลกำไรและการใช้จ่ายเงินที่ไม่
เหมาะสม
ในกรณีของการตกแต่งกำไรนั้นจะเป็นผลมาจาก
การสร้างรายได้เกินจริงหรือการชะลอค่าใช้จ่าย
ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะมีผลต่องบดุลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
และเราก็สามารถหาความผิดปกติได้ดังนี้
• การสร้างรายได้เกินจริง
จะสังเกตได้จากยอดลูกหนี้การค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ เช่น
ในอดีตลูกหนี้การค้าอยู่ที่ประมาณ 10% ของยอดขายแต่ได้เพิ่มขึ้นเป็น 30%
เป็นต้น โดยส่วนที่เพิ่มขึ้นแทบจะทั้งหมดเพิ่มมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น
สาเหตุเป็นเพราะยอดขายที่เพิ่มขึ้นนั้น ไม่มีการชำระราคากันจริง
• การชะลอค่าใช้จ่าย
จะสังเกตได้จากหลายรายการในงบดุล เริ่มต้นจาก รายการค่าใช้จ่ายล่วงหน้า
รายการสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตน หากรายการเหล่านี้
เพิ่มขึ้นอย่างมากก็ควรจะพิจารณาดูว่าเหมาะสมหรือไม่
เพราะค่าใช้จ่ายสำหรับรายการเหล่านี้อาจต้องตัดเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมด
แต่บริษัทได้ชะลอการตัดเป็นค่าใช้จ่ายจึงตั้งเป็นทรัพย์สินไว้ก่อน
อีกรายการหนึ่งที่ควรดูก็คือ สินค้าคงคลัง
เพราะมีกรณีที่สินค้าของบริษัทล้าสมัย หรือมีข้อบกพร่องจนไม่สามารถขายได้
แต่บริษัทอาจไม่ยอมตัดเป็นค่าใช้จ่าย และอีกกรณีหนึ่งคือ
การตั้งสำรองหนี้สูญที่ต่ำเกินไป อาจต้องดูนโยบายและสถิติในอดีตประกอบกันไป
สำหรับกรณีของการใช้จ่ายเงิน
ที่ไม่เหมาะสมนั้นงบดุลก็สามารถให้ข้อมูลความผิดปกติได้เช่นกัน
โดยทั่วไปการใช้จ่ายเงินที่ไม่เหมาะสมจะเกิดจากการที่ผู้บริหารพยายามที่จะ
โยกย้ายทรัพย์สินออกจากบริษัท
ซึ่งอาจจะอยู่ในรูปเงินสดหรือทรัพย์สินถาวรก็ได้
สิ่งที่อาจพบได้ในงบสำหรับกรณีของการโยกย้ายเงินสดได้แก่
รายการให้กู้ยืมแก่ผู้บริหารหรือกรรมการ
หรืออาจอยู่ในรูปของการซื้อทรัพย์สินถาวร
จากผู้บริหารและกรรมการในราคาสูงกว่าราคาตลาดมาก
และในบางกรณีอาจถึงขั้นที่มีการจ่ายเงินค่าทรัพย์สินแต่ไม่ได้รับโอน
ทรัพย์สินเหล่านั้นมาให้บริษัทอย่างถูกต้อง ส่วนของการโยกย้ายทรัพย์สิน
ก็อาจอยู่ในรูปของการขายทรัพย์สินถาวรของบริษัทให้กับผู้บริหารหรือกรรมการ
ในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดมาก สำหรับผู้อ่านหากเห็นทรัพย์สินถาวรของบริษัท
เพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างมาก
ขอแนะนำให้อ่านข้อมูลเพิ่มเติมจากหมายเหตุประกอบงบว่า
ทรัพย์สินถาวรเหล่านั้นเปลี่ยนแปลงเพราะเหตุใด
และเป็นประโยชน์จริงต่อการทำธุรกิจหรือไม่
งบสุดท้ายที่จะแนะนำให้พิจารณาเพื่อหาสัญญาณความผิดปกติก็คือ งบกระแสเงินสด
หากบริษัทแสดงผลกำไรเพิ่มขึ้นอย่างมากแต่กระแสเงินสดจากการปฏิบัติงานกลับ
ติดลบ ก็เริ่มเป็นสัญญาณที่ไม่ดี ต้องดูในรายละเอียดต่อว่า
กระแสเงินสดที่ติดลบนั้นมาจากอะไร
เช่นอาจเป็นเพราะลูกหนี้การค้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก
หรือในส่วนของกระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุนก็จะบอกให้ผู้อ่านงบทราบได้ว่า
ในรอบบัญชีที่ผ่านมาบริษัทมีการซื้อหรือจำหน่ายทรัพย์สินถาวรหรือไม่
มากน้อยแค่ไหน
จากลักษณะของข้อมูลที่ได้จากงบกระแสเงินสดจึงทำให้ผู้อ่านบางท่านเริ่มการ
พิจารณางบการเงินจากงบกระแสเงินสดก่อนเป็นอันดับแรก
แล้วจึงเข้าไปดูรายละเอียดต่อในงบดุลและงบกำไรขาดทุน ทั้งนี้
การจะเริ่มจากงบฉบับใดก่อนนั้น ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละท่าน
ไม่มีลำดับก่อนหลังตายตัว
โดย ญาณศักดิ์ มโนมัยพิบูลย์ [1-9-2005]
http://www.businessthai.co.th