JMART Group
- ปี 2016 เจมาร์ททำผลงานได้ดีที่สุดทั้งรายได้ และกำไร
- ปี 2016 เจอมาร์ทขายมือถือไป 1,200,000 เครื่อง ยอดขาย Samsung, Huawei, Oppo และ Vivo เราขายได้เป็นที่ 1 ตัวเลขนี้มาจาก Supplier (แบรนด์จีนให้มาร์จิ้นสูงสุด สูงกว่า Samsung และ Apple)
- ปี 2016 เราขาย Apple ได้โตขึ้น 38% เราต้องการเป็นที่ 1 ในส่วนของ Apple ด้วย ภายในปี 2019
- Huawei โต 106%, Oppo โต 36%, Vivo โต 31% และ Samsung โต 5%
- ปี 2017 ช่วงนี้ลงทุนมา 2-3 ปี แต่ปีนี้จะได้ yield เต็มๆ
- จะมีผู้บริหารมือ 1 มาดูแล Jventures (บริษัทด้าน Fintech Startup)
- ในส่วนของพม่าตอนนี้ยังเจอปัญหาอยู่ แต่ก็ต้อง invent เพื่อรอการปรับเปลี่ยนกฎหมายเกี่ยวกับ Retail
- ปี 2016 เจมาร์ทกรุ๊ปรายได้ 11,205 ล้านบาท (เป็นปีแรกที่รายได้เกิน 1 หมื่นล้านบาท) และกำไร 438 ล้านบาท เติบโต 36% yoy ,ปี 2017 ตั้งเป้าโต 30%
- เงินลงทุนในกลุ่มเจมาร์ทปี 2015 = 2,430 ลบ., ปี 2016 = 5,140 ลบ., ปี 2017 = 7,655 ลบ.
- J Fintech ปล่อย Loan ไป 2,365 ล้านบาทในปี 2016 เริ่มมีการรับรู้รายได้จากดอกเบี้ย 30 กว่าล้านต่อเดือน และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
- ได้คุณทาโร่ดูแล J Ventures ในส่วนนี้จะมี Application ให้ปล่อยกู้ได้บน Mobile ในปีนี้
- ทิศทาง J Ventures ปี 2017 ก้าวแรก J Fintech Loan, ปี 2018 ก้าวสอง J Wallet , ปี 2019 ก้าวสาม J Currency
- ฐานข้อมูลลูกค้า J Fintech 100,000 ราย, Singer 800,000 ราย, JMART 1,000,000 ราย และ JMT 3,000,000 ราย
- คาดหวังว่า J Fintech จะมีกำไรในปี 2017 (ปี 2016 ขาดทุนทำให้เจมาร์ทต้องตั้งสำรองหนี้สูญ 150 ล้านบาท)
JAS Asset
- JAS Asset ในส่วนของ IT junction ทำแบรนด์ดิ้งมากขึ้นและมีการตลาดแจกมอเตอร์ไซต์ทุกเดือน ปีนี้กลางปีมีแจกรถยนต์ทำให้ลูกตู้ทำมาค้าขายได้มากขึ้น BigC คู้ค้าก็แฮปปี้มากขึ้น
- IT junction มี 52 สาขา เป้าคือเพิ่มปีละ 8 สาขา มีพื้นที่เช่า 11,738 ตรม. ค่าเช่าลดลงเหลือ 2,370 บาท/ตรม. (จากปีก่อน 3,181 บาท/ตรม.) มีร้านตู้ 1,581 ร้าน
- JAS Urban OCC 100%, Wanghin OCC 95%, Ramintra OCC 95%
- Ramintra ปีนี้จะ Renovate เอา Urban Foodville และส่วนสนุก Totem มาใส่ (ก็เป็นแบรนด์ของ J หมดนั่นละ)
- รายได้ 562 ล้านบาท เติบโต 4.3% ปีนี้จะรับรู้รายได้ JAS Urban เต็มปี
- D/E 1.7 เท่า
- NEWERA คือแบรนด์คอนโดใหม่ ซื้อที่ดินไว้แล้ว กลางปีจะเปิดคอนโดแรก ที่เอกมัย-รามอินทรา
JMT
คุณปิยะขอบคุณนักลงทุนที่ให้คำแนะนำ ทำให้ตัวผมเองนำไปปรับจนมีตัวเลขที่เติบโตขึ้น (เป็นการเปิดคำพูดได้น่านับถือมากครับ)
- Position ตอนนี้ก็ยังเป็นผู้เดียวที่ซื้อหนี้มาบริหาร และมา Port Size ที่ใหญ่ที่สุด
- ปัจจุบัน Port Size ขนาด 100,000 ล้านบาท และปีนี้จะซื้อเพิ่มอีก 30,000 ล้านบาท และจากนี้ไปอีก 3 ปีจะโตเท่าตัว
- ปีที่ผ่านมา 2016 เป็นปีที่ดีที่สุดของ JMT
- ลูกค้าตอนนี้เปลี่ยนพฤติกรรมเป็นขายหนี้แทนมาจ้างเราติดตามหนี้ และลูกค้ารายหนึ่งก็คือ Singer ที่เราเข้าไปติดตามหนี้
- สัดส่วนของหนี้ Personal load เติบโตขึ้นชัดเจน รองมารถยนตร์ตัวเลขทรงๆ และรถมอไซต์ลดลงเล็กน้อยเพราะ yield น้อยกว่า 2 แบบแรก
- ปี 2016 สัดส่วนซื้อหนี้ JAM 10,304 ล้านบาทเป็นหนี้ที่มี legal (เช่น สินเชื่อบ้าน) และ JMT 9,296 ล้านบาท เป็นหนี้ non legal
- สัดส่วนประเภทหนี้แยกเป็น Personal loan ซื้อหนี้มา 14,708 ล้านบาท และ Hire Purchase (คือหนี้ประเภทอื่นที่ไม่ใช่ PL) ซื้อหนี้มา 4,892 ล้านบาท
- การลงทุนในช่วงแรกปี 2006-2010 เราเก็บหนี้ได้เฉลี่ย 300% ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ ปี 2011-2016 ช่วงนี้เริ่มซื้อพอร์ตรถยนต์เข้ามา ,,โดยรวมแล้วเก็บหนี้ได้เฉลี่ย 82% จากเงินลงทุน 5,360 ล้านบาท
- พอร์ตกองหนี้ตอนนี้รวม 100 กองพอดี เหลือที่ยังรับรู้รายได้อยู่ 64 กอง
- หนี้ 100 กองมีมูลค่า 108,283 ล้านบาท เหลือมูลค่าที่ยังรับรู้ได้รายอยู่ 94,719 ล้านบาท
- รายได้รวมโต 47.9% ถ้าไม่รวม J Fintech ก็จะเติบโตประมาณ 20% ปลายๆ
- โครงสร้างรายได้ Debt Acquisition (ซื้อหนี้) 69%, Loan 18%, Debt collection (จ้างตามหนี้) 13%
- GP ในไตรมาสที่ผ่านมาอยู่ที่ 63% และอาจไปถึง 68% ในปีนี้
- SG&A (ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร) ถ้าไม่มี J Fintech ของ JMT จะอยู่ที่ประมาณไตรมาสละ 55-60 ล้านบาท
- ภาพกำไร Net Profit ที่ไม่มี J Fintech ตั้งแต่ Q1-Q4 ภาพจะไต่มาแบบนี้คือ 50, 60, 70, 80 ล้านบาท
- D/E 0.96 เท่า
- โอกาสทางธุรกิจสนในที่กัมพูชา เพราะมี NPL สูง ที่นี่ลิสซิ่งจะเติบโตไวกว่า PL แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่มีคือ know how ในการตามหนี้มากกว่า 3 เดือนขึ้นไป
- ทุนจดทะเบียนที่ประเทศกัมพูชา 30 ล้านบาท เราไปเป็นเจ้าแรก พันธมิตรการค้าที่เราคุยคือ GL กับ Aeon
- เป้าหมายต่อไปมี 2 ที่คือที่ลาวกับเวียดนาม
- อีกธุรกิจที่จะทำให้เราเติบโตได้คือ JAY Insurance Broker ที่มีรายได้อยู่ 6 ล้าน แต่ปีนี้จะมีรายได้ 40 ล้าน ซึ่งกลยุทธ์คือจะไป M&A และมีเป้าหมายคือ InsureTech
____________________________________________________________________
Q&A
JMART Group
JMT
J
Q&A
JMART Group
- D/E ตอนนี้ 2.22 เท่า ถ้าเป็นหนี้ที่มีดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 2 เท่า
- ตอนนี้เรามีการจัดสรรในส่วนของ Warrant (อายุ 2 ปี ราคาใช้สิทธิ 15 บาท) ถ้านักลงทุนใช้สิทธิทั้งหมดเราก็จะได้เงินมาประมาณ 2,000 กว่าล้านบาท
- คนที่ได้ Stock dividend จะได้ Warrant ด้วย
- J Wallet ได้รายได้จาก 1. Fee 2.ท่อเข้าได้ดอกเบี้ย 3.ท่อออกได้มาร์จิ้นจากการขายผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม
- Jmart Mobile ยังเติบโตอยู่และ Singer จะเป็นผู้เล่นที่ขายมือถือได้มากที่สุด จากประสบการณ์ของคุณอดิศักดิ์ (ไม่นับ operator) เพราะ Singer ขายทั้งเงินสดและเงินผ่อน
- การขายมือถือของ Singer เป็นลักษณะฝากขาย โดยที่ Jmart Mobile ส่งของไปให้ถึงเทอมก็จ่ายเงินให้ในส่วนที่ขายได้ ส่วนที่เหลือก็ส่งคืนกลับมา แล้วเอาล็อตใหม่ไป ซึ่งมาร์จิ้นที่ทาง Jmart Mobile จะได้รับอยู่ที่ประมาณ 3-7%
- J Fintech ปีนี้ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อ 3,500 ล้านบาท ดอกเบี้ย 24%
- ธุรกิจกล้องถ่ายรูปมุ่งมั่นจะเป็นเบอร์ 1 ใน 3 ปี
- ปี 2559 ในส่วนของกล้องมียอดขาย 120 ล้านบาท ปีนี้ตั้งเป้า 800 ล้านบาท เปิดสาขากล้อง 10 สาขา
- มีการทำดีลกับแบรนด์จีนน้องใหม่ที่นำเข้ามาจำหน่ายที่ Jmart ที่เดียว
JMT
- Cash Collection Target ปี 2017 อยู่ที่ 1,250 ล้านบาท base on กองหนี้เดิมและใหม่ที่จะซื้อในปีนี้ด้วย โดยกองหนี้ใหม่ใน Q1 จะเข้ามา 7,000 ล้านบาท , Q2 อีก 7,000 ล้านบาท , Q3 10,000 ล้านบาท และที่เหลือจะเข้า Q4 (เป้าทั้งปีซื้อหนี้ 30,000++ ล้านบาท)
- ตอนนี้มีคนอยู่ 1,600 คน จะขยายไป 1,800 คน สำหรับคนตามเก็บหนี้ แต่เราจะมีเครื่องมือสำหรับช่วยด้วย
- 95% ของลูกค้าเราได้เป็นเงินเดือน และที่เราสำรวจลูกค้ามารายได้ไม่เพิ่ม แต่ผอกพูนหนี้เยอะขึ้น เราจึงต้องเป็นที่ปรึกษาทางการเงินด้วย ซึ่งส่วนนี้ยังต้องใช้คนอยู่
- J Fintech ปล่อยกู้ถ้าตามเก็บหนี้ไม่ได้ เป็นหนี้เสียก็ขายให้ JMT ราคาซื้อหนี้ตามพื้นฐานสถาบันการเงินทั่วไป
- พระเอกของปีนี้คือ PL 60% และตัวรองลงมาคือหนี้รถยนต์ 40% ส่วนหนี้มอเตอร์ไซค์มีแต่น้อยมากเพราะ yield น้อย
- มี M&A ธุรกิจ Call Center กับประกัน อยู่ในขั้นตอน FA ทำ Deal ส่วนจะเมื่อไหร่จะประกาศทาง SET ให้ทราบอีกที
J
- งบลงทุนปีนี้ใช้ 1,400-1,500 ล้านบาท หลักๆ มาจาก Urban สาขาใหม่ และคอนโด
- คอนโดแห่งแรกเป็นคอนโด Low rise มี 185 ห้อง ใช้เงินลงทุนไม่เกิน 500 ล้านบาท ส่งมอบประมาณต้นปี 2018
Singer
- ผลิตภัณฑ์ Car for Cash เป็นของ Singer ไม่ใช่ของ J Fintech
- Singer ปล่อยสินเชื่อมอเตอร์ไซค์ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือปล่อยให้ dealer ในส่วนนี้จะได้รายได้จากดอกเบี้ย และอีกส่วนคือขายเองได้ในส่วนของมาร์จิ้นและดอกเบี้ย มีแผนไปคุยกับยี่ห้อมอเตอร์ไซค์แล้ว
- จำนำรถเป้าหมายสินเชื่อปีนี้ ปรับจาก 700 เป็น 1,500 ล้านบาท
- ปีนี้ตั้งเป้ารายได้ในการขายสินค้าที่ 3,500 ล้านบาท (ไม่รวมรถเติมเงินเพราะเป็น service)
- ปีนี้จะมี 200 สาขา 600 หัวหน้าหน่วย 20,000 คนขาย (เดิม 177 สาขา 350 หัวหน้าหน่วย) ทั้งหมดนี้จะถูกจัการด้วยแอพพลิเคชั่น Singer Direct
- เป้าหมายยอดขายต่อ 1 คนขาย 100,000 บาทต่อเดือน ถ้าไม่มียอดขายติดต่อกัน 3 เดือนจะถูก screen ออก