หน้าแรก

7/21/2556

สรุป JMART & JMT Company Visit วันที่ 12/07/13

JMART
  • ทาง ผบห. เพิ่งกลับจากการ Road show ที่ฮ่องกง และ เพิ่งมี Company visit จาก นักลงทุนชาวญี่ปุ่น
  • ตอนนี้ Jaymart Shop มี 134 สาขา, Samsung Shop มี 8 สาขา, Franchise 4 สาขา, Consignment 80 สาขา (ที่ Big C, The Mall)
  • ปัจจุบันมี 240 สาขา ปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 280สาขา ปีหน้า 300 
    • ร้าน Smartphone & Tablet ลงทุน 4-6 ล้านบาทต่อสาขา 
    • ร้านธรรมดา ลงทุน 1-3 ล้านบาทต่อสาขา ระยะเวลาคืนทุนไม่เกิน 2 ปี 
    • ร้านแฟรนไชส์ลงทุนเองทั้งหมด ค่าธรรมเนียม 3 แสนบาท stock ซื้อขาด
  • ยอดขายต่อเดือน 700-800 ล้านบาท จากเมื่อก่อน 400-500 ล้านบาท (ปี 2012 650 ล้านบาท)
  • ปีนี้ยอดขายน่าจะแตะ 10,000 ล้านบาท ได้เป็นปีแรก
  • Market size 
    • ปี 2011 ประมาณ 50,000 ล้านบาท 
    • ปี 2012 ประมาณ 60,000 ล้านบาท 
    • คาดปี 2013 ประมาณ 72,000 ล้านบาท
    • JMART ตั้งเป้าไว้ที่ 10,000 ล้านบาท หรือ 14%(sale value) ถ้าดูเป็น Sale Quantity ตั้งเป้าไว้ที่ 8%
  • สัดส่วนรายได้ใน Q1/13 Feature phone ลดลงเหลือ 10% ,Smart phone 64% และ Tablet 26%
  • ราคาขายเฉลี่ยต่อเครื่อง 6,250 บาท ราคาเฉลี่ยของตลาด 4,100 บาท
  • Accessory margin ดีมากประมาณ 30% และ growth rate สูง บริหาร stock ได้ง่าย บางอย่างไม่ Stock หากขายไม่หมด คืนสินค้าได้ถ้าเหลือคืนได้ JMART มีอำนาจต่อรอง supplier สูง Q1/2013 รายได้ 62 ล้านบาท
  • ปัจจุบันมี 80 ล้านเลขหมาย ใช้ 3G แค่ 20% อีก80% ที่เหลือคาดว่าจะเปลี่ยนเป็น 3G ภายใน 3 ปี
  • ร้านค้า IT, ร้านกล้อง และ Shop อื่นๆ มาเสนอขายพื้นที่ให้กับ JMART เนื่องจากธุรกิจหลักของตัวเองกำลังหดตัวบางรายก็กำลังอยู่ไม่ได้ 
  • Samsung เสนอให้ JMART นำสินค้าประเภทอื่นๆ ของตัวเองมาขายเพิ่ม นอกเหนือไปจากมือถือ และแท็บเล็ต
  • iDevice มี margin ต่ำ แต่ขายเพื่อภาพลักษณ์ และให้ร้านมีสินค้าครบครัน
  • Samsung Shop นั้น Contribute รายได้ให้กับ JMART ดีมาก
  • Franchise ของ JMART กลับมา Rerun อีกครั้ง หลังจากที่ไม่ประสบความสำเร็จมาก่อนหน้าในระยะเริ่มต้นยังไม่คาดหวังกำไรจากส่วนนี้ เป้าหมายตอนนี้คือ ทำอย่างไรให้ร้านค้า franchise เหล่านี้อยู่ได้
  • การจัดงาน Jaymart Mobile Show สำหรับสาขา Central ลาดพร้าวได้ผลตอบรับ และยอดขายน่าผิดหวัง ไม่ได้ดีมากมายเหมือนเมื่อก่อน กลับกันการจัดงานประเภทเดียวกันโดยใช้สถานที่จัดนอกเมืองได้ผลตอบ รับ และยอดขายที่ดีกว่ามาก เช่น การจัดงานที่ซีคอนสแควร์, ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์, Fashion Island, Future Park และหัวเมืองต่างจังหวัด
  • ผลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และการบริโภคภายในประเทศ ยังไม่ส่งผลต่อการดำเนินงานของ JMART มากนักในบางพื้นที่รายได้อาจจะลดลงแต่หลายๆ จังหวัดยังขายได้ดีอยู่ และ JMART มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ
  • Jaymart พม่าเปิดสาขาแล้ว 3 แห่ง คาดจะเปิด 20 สาขาในปีนี้ และที่พม่า penetration rate 5% ของประชากร
  • แบรนด์อันดับ 1 ที่พม่าตอนนี้ คือ Huawei เนื่องจากคนพม่ามองว่าเป็นสินค้าที่ดี ตอบโจทย์การใช้งาน ทนทาน ราคาเหมาะสม
  • พัฒนาด้านการบริการให้มีความได้เปรียบเหนือคู่แข่งชื่อว่า JQS (Jaymart Quality Service) ซึ่งนำวิธีการที่ใช้ในญี่ปุ่นมาดัดแปลงให้เหมาะสมกับในประเทศไทย (focus ที่ Customer needs, Standardization, Training, Quality control, system audit, customer satisfaction)
  • JAS Asset มีแผนจะเข้าตลาด MAI ในปี 2014 ปัจจุบันบริษัทมีการเติบโตที่ดีมาก
  • Margin 
    • Mobile 13% 
    • JMT 51% 
    • JAS  21%
JMT
  • JIB (บริษัทลูก JMT Insurance Broker) จะเริ่ม Run ในไตรมาส 3-4 ปีนี้
  • หนี้ก้อนแรกที่ซื้อเข้ามาในปี 2006 ปัจจุบันยังทำยอดเก็บได้เดือนละล้านกว่าบาท
  • ได้ license ใหม่ 2 ตัวคือ Debt acquisition และ Insurance broker
  • รวมยอดหนี้ที่ซื้อมาทั้งหมด 23,000 ล้านบาท โดยใช้เงินลงทุน 1,193 ล้านบาท 
  • AMC (บริษัทบริหารสินทรัพย์) กำลังเดินหน้า ซึ่งบริษัทประเภทนี้สามารถสวมสิทธิหนี้คดีความได้ ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายทางด้านการดำเนินคดี
  • Project เช่าซื้อรถยนต์ จะชะลอไปก่อน โดยจะไปเน้นที่การซื้อหนี้มาบริหารแทน
  • ปีนี้มีคู่แข่งรายใหม่เข้ามาในตลาด 
  • ต้นทุนในการซื้อหนี้สูงขึ้นจากราคาที่ถูกปั่นขึ้นไป เนื่องจากผู้ขายเห็นว่า JMT มี margin สูงมากๆ (ปัจจุบัน 51%) และบางกรณีผู้ขายทำการแบ่งหนี้เป็นก้อนเล็กๆ เพื่อให้บริษัทเล็กๆ สามารถเข้าประมูลได้ เพราะหนี้ก้อนใหญ่ๆ มีแค่ JMT ที่มีศักยภาพพอที่จะประมูลได้
  • หนี้แต่ละก้อน จะมีการคำนวณ IRR ไม่เท่ากัน
  • การรับรู้รายได้จะทำการบันทึกโดยให้ตัดเงินลงทุนภายใน 5 ปี แต่หลายๆ กรณีตัดหมดที่เวลา 3 ปี (มีบ้างที่เกิน 5 ปี แต่เกิดขึ้นน้อยมาก)
  • วิธีการนี้ ทำให้กระแสเงินสดของบริษัทดีมาก (จนเกินไป) เนื่องจาก กลต. บังคับให้ทำการคำนวณแบบนี้ คือให้ Conservative แบบสุดๆ ทำให้ถึงแม้ว่าจะเก็บหนี้ได้เยอะ แต่รายได้ปีแรกๆอาจจะไม่เยอะเพราะไปหักลบในส่วนของเงินลงทุนออกไปก่อนเยอะมากพอตัดเงินลงทุนหมด ถึงจะรับรู้รายได้ 100%
**ใช้สูตรคำนวณ รายได้ = ยอดหนี้ที่เก็บได้ – (IRR*เงินลงทุนคงเหลือ)

ขอขอบคุณ คุณAmnaj,คุณหนุน, คุณPitchaya,และคุณจุ๋ย (ผู้เข้าร่วมกิจกรรม Company Visit)
เรียบเรียงโดย The Youngblood Way


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น