ทุนจดทะเบียน : 420,000,000 บาท
ทุนชำระแล้ว : 300,000,000 บาท (ปัจจุบัน 411,710,529 บาท)
ราคาพาร์ : 1 บาท
2. ปัจจัยความเสี่ยง
2.1 ความเสี่ยงจาการดำเนินธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ (JMART)
2.1.1 ความเสี่ยงจากการด้อยค่าของสินค้าคงคลัง
- ณ วันที่ 31 ธันวา 2554 บริษัทจัดเก็บสินค้าคงคลังคิดเป็นสัดส่วนร้อย 29.39 ของสินทรัพย์รวม
- สินค้าหลักของบริษัทได้แก่ เครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ และอุปกรณ์เสริม
- โดยปกติสินค้าแต่ละตัวจะมีอายุเฉลี่ยจำหน่ายหน้าร้านประมาณ 20-25 วัน
- ปี 2554 ระยะเวลาการเก็บสินค้าคงคลังที่ 38 วัน น้อยกว่าเป้าหมาย (50 วัน)
- ตั้งค่าเผื่อสินค้าล้าสมัย 8.49 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.16 ของรายได้ธุรกิจจัดจำหน่าย
- สำหรับผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ บริษัทและผู้ผลิตมือถือจะร่วมกันวางแผนประมาณการยอดขายเพื่อกำหนดสินค้าคงคลัง ถ้ามีข้อผิดพลาดส่วนใหญ่ผู้ผลิตจะรับผิดชอบในบางส่วน เช่น เงินชดเชย ,ของแถมเพื่อโปรโมทสินค้า
- สินค้าหลักเป็นของ 5 แบรนด์ ได้แก้ Nokia, Samsung, LG, Blackberry และ iPhone (ปัจจุบันมี Sony, Acer, Oppo, HTC เพิ่มเข้ามา)
- สัดส่วนการขาย Nokia 24.8%, Samsung 42.0%, LG 6.1%, Blackberry 18.1% และ iPhone 4.1%
- ธุรกิจค้าปลีกมือถือใช้เงินลงทุนไม่มากและโครงสร้างการดำเนินธุรกิจไม่ซับซ้อน ซึ่งผู้เข้าแข่งขันใหม่อาจเป็นบริษัทข้ามชาติรายใหญ่
- ผู้ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้อง เช่น ผู้ผลิตมือถือ, ผู้ให้บริการเครือข่าย หรือผู้ให้เช่าพื้นที่ค้าปลีก
- ช่วงเศษฐกิจตกต่ำอาจทำให้ผู้บริโภคเปลี่ยนมาซื้อสินค้าทดแทน เช่น มือสอง, สินค้านำเข้า, สินค้าลอกเลียนแบบที่มีราคาถูก
2.2.1 ความเสี่ยงจากการพึ่งพิงเจ้าของพื้นที่ และการไม่ได้รับการต่อสัญญา
- บริษัทเช่าพื้นที่มาจากห้างและโมเดิร์นเทรด เช่น Big C ส่วนเป็นเป็นสัญญาเช่า 1-3 ปี
2.3 ความเสี่ยงจาการดำเนินธุรกิจบริการติดตามเร่งรัดหนี้ (JMT)
2.3.1 ความเสี่ยงจากการฟ้องร้องคดีอันเกิดจากการติตตามหนี้
- ที่ผ่านมาบริษัทยังไม่เคยถูกฟ้องร้องดำเนินคดีจากกลุ่มลูกหนี้
- ช่วงเวลาติดตามหนี้ตั้งแต่เวลา 8.00น. - 20.00 น. เฉพาะวันจันทร์ถึงศุกร์
- ในอดีตที่ผ่านมาไม่เคยได้รับแจ้งจากกลุ่มผู้ว่าจ้างในการร้องเรียนติดตามหนี้ที่ไม่เหมาะสมของบริษัทแม้แต่รายเดียว
- บริษัทซื้อหนี้ด้อยคุณภาพจาก บริษัทเช่าซื้อ บริษัทเงินทุน และธนาคาร
- ปัจจุบันซื้อหนี้รวม 32 สัญญา มูลค่าเงินลงทุน 655 ล้านบาท
- ปี 53 และ 54 มีอัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 13.28 และ 14.07 อัตรากำไรสุทธิ 1.78 และ 2.83 ตามลำดับ
- หากเกิดการผันผวนทางธุรกิจ เช่น ปรับลดราคาสินค้า หรือได้รับค่าส่งเสริมการขายน้อยลง ก็จะทำให้บริษัทมีผลประกอบการขาดทุนทันที
- JMART เป็นธุรกิจหลักของบริษัท แต่เป็นธุรกิจที่มีอัตรากำไรต่ำ โดยปี 2554 มีอัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 9.57 ซึ่งเป็นผลจากการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรม
- ลดความเสี่ยงไปที่ JAS Asset และ JMT ปี 2554 มีอัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 16.58 และ 47.80 ตามลำดับ
- JMART อยู่ในช่วงเติบโตเพื่อขยายส่วนแบ่งการตลาด หากเติบโตได้ตามเป้าหมายก็จะทำให้มีอำนาจต่อรองมากขึ้น ซึ่งทำให้อัตรากำไรในอนาคตสูงขึ้นด้วย
3. ลักษณะการประกอบธุรกิจ
3.1 ประวัติความเป็นมาและพัฒนาการที่สำคัญ
- JMART ก่อตั้งเมื่อวันที่ 27 ธันวา 2531 โดยนายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา และนางสาวยุวดี พงษ์อัชฌา ด้วยทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท
- เริ่มต้นธุรกิจด้วยการเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกยี่ห้อเงินผ่อน ต่อมาปี 2535 จำหน่ายมือถือผ่านระบบเงินสด ระบบผ่อนชำระ และระบบขายส่ง
- ปี 2552 เข้าตลาดหลักทรัพย์ และเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแก่นักลงทุนทั่วไป 75 ล้านหุ้น
- JMART -> JMT 75% (นักลงทุนทั่วไป 25%) ทุนจด 300 ล้านบาท -> JMT Plus 99.99% ทุนจด 1 ล้าน
- จำหน่ายชุด SIM Card และบัตรเติมเงิน
- ค้าส่ง (Wholesaler)
- ค้าส่งให้กับร้านค้าปลีกในระบบ (Organized Shop) และร้านค้าย่อยอิสระ (Non-Organized Shop) บริษัทเน้นการขายส่งผ่านร้าน Jay Mart ใน IT Junction
- ค้าส่งรายใหญ่ของ Samsung ระดับ Retail Partner โดยบริษัทสามารถจำหน่ายหรือกระจายแบบค้าส่งได้ใน จ.พิษณุโลก
- ได้สิทธิ Sole Distributor ของสินค้าบางรุ่น ตามข้อตกลง
- ค้าปลีก (Retailers) - มีขายครบทุกแบรนด์
- IT Junction 27 สาขา ทั้งใน กทม. และ ตจว. ภายใต้ศูนย์การค้าใหญ่ เช่น เซ็นทรัล, Big C
- JMT ติดตามหนี้ให้, ซื้อหนี้มาบริหารเอง, ให้บริการด้านกฎหมาย
- หนี้กลุ่มสินเชื่อบุคคล หนี้สินบัตรเครดิต หนี้สินค่าสาธารณูปโภค และหนี้สินค่าบริการ
- ผู้ว่าจ้างที่เป็นเจ้าหนี้ ประกอบด้วย ธนาคาร สถาบันการเงิน และบริษัทเช่าซื้อ เป็นหลัก
3.4 เป้าหมายในการดำเนินธุรกิจ
- เน้นขยายสาขาในส่วน Modern Trade และสาขาที่ขยายตาม IT Junction เป็นหลัก
- จัดอบรมสัมมนาพลักงานต่อเนื่องทุกสัปดาห์
- เพิ่มสินค้าเทคโนโลยี 3G และขยายการ Product Line ในส่วนอุปกรณ์เสริมและสินค้าเทคโนโลยี
- ขยายสาขา IT Junction เพิ่มเบื้องต้นมุ่งเน้น Big C (ซื้อคาร์ฟูร์ทำให้มีสาขาเพิ่ม 34 สาขา แต่ตรงนี้ยังเข้าไปไม่ได้ติดสัญญายังไม่เรียบร้อย)
- ติดตามหนี้เน้นลูกค้ากลุ่มธนาคาร, ประเมินผลติดตามหนี้เทียบต้นทุนอย่างละเอียดเป็นประจำทุกไตรมาส
(ติดไว้แค่นี้ก่อนครับ เยอะเหลือเกิน..)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น